CANS Communication

ทดสอบความเร็ว Internet และ VoIP Call ได้ด้วยตัวเอง

            เป็นที่รู้กันว่าปัจจุบันนี้อินเทอร์เน็ตเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกันในแต่ละวันทั้งแบบที่เป็นข้อความและแบบที่เป็นการโทรคุยกันแทนการโทรแบบปกติก็ทำได้ การซื้อ-ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ หรือแม้แต่การทำงานก็จะเห็นได้ว่าหลายๆ องค์กรมีการปรับตัวให้ทำงานแบบออนไลน์ (Work from Home = WFH) มากขึ้น แต่การทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตก็ใช่ว่าจะสะดวกสบายเสมอไป หลายๆครั้งที่การทำงานจะต้องหยุดชะงักเพราะอินเทอร์เน็ตมีปัญหา

             การทดสอบอินเทอร์เน็ตจะช่วยให้ทราบถึงประสิทธิภาพในการ Download และ Upload ข้อมูลที่ต้องการ นอกจากนี้ยังช่วยให้ทราบถึงความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณว่าตรงตามแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่คุณเสียเงินไปหรือไม่ และที่สำคัญสามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตได้อีกด้วย



 การทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตต้องดูค่าอะไรบ้าง ?

                หลายๆท่านคงจะเคยใช้ตัว Speed test ในการทดสอบความเร็วของอินเทอร์เน็ตกันมาบ้าง การทดสอบนั้นจะมีผลลัพธ์ 4 ค่าหลักๆ ด้วยกัน คือ  1.Download 2.Upload 3.Ping 4.Jitter

 1.Download ตัวชี้วัดที่ทุกคนคุ้นเคยแต่ถ้าให้สรุปง่ายๆ ก็คือ ค่าความเร็วในการรับข้อมูล  ถ้าค่า Download  มีตัวเลขสูงแปลว่าสามารถรับข้อมูลได้ครั้งละมากๆ และถ้าค่าตัวเลขมากก็ยิ่งโหลดได้เร็ว

 2.Upload ก็คือความเร็วในการส่งข้อมูล  ยิ่งตัวเลขมีค่ามากเท่าไร  แปลว่าในแต่ละวินาที คุณสามารถส่งข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก  หรือยิ่งค่ามากยิ่งส่งเร็วนั่นเอง

            ซึ่งหลายๆท่านจะเรียกตัวชี้วัดทั้งสองนี้รวมกันว่า แบนด์วิธ ( Bandwidth ) จะสรุปได้ว่า แบนด์วิธ ( Bandwidth ) คือการนำข้อมูล Download Upload มาชี้วัดร่วมกัน และเปรียบเป็นค่าจำนวนปริมาณความจุของช่องสัญญาณ มีหน่วยเป็น Mbps (Megabit per second หรือ เมกะบิตต่อวินาที) ถ้าแบนด์วิธมาก เราก็จะส่งข้อมูลได้จำนวนมากพร้อมๆกัน ซึ่งการเช็คความเร็วของอินเทอร์เน็ตนั้นเราจะต้องดูอีกค่าควบคู่ไปด้วย นั่นคือค่า Ping หรือค่า  Latency

3.Ping หรือ Latency เป็นค่าเวลาซึ่งใช้ในการจัดส่งข้อมูลจาก เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณไปยัง Server  และรวมเวลาที่ตอบกลับมา “ยิ่งน้อยยิ่งดี”  เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า  Server  ส่งข้อมูลกลับมาหาคุณได้เร็วแค่ไหน ยิ่งใช้เวลาน้อยมากในการติดต่อสื่อสารกันในแต่ละครั้ง  ก็ยิ่งชี้ชัดว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของคุณมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น  โดยค่า Ping มีหน่วยเป็น ms. (millisecond/ 1:1,000 วินาที) พูดง่ายๆก็คือ เป็นการทดสอบส่งข้อมูลเพื่อส่งไปยัง Host  หรือ  Server  ณ  ปลายทาง  แล้วตีกลับมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ เหมือนการตีลูก  Ping  pong  ที่เด้งกระดอนไปมา เท่ากับว่ายิ่งใช้เวลาน้อยยิ่งดี ค่า Ping นี้สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน ในการเล่นเกมออนไลน์ ถ้าค่า  Ping เยอะ เกมก็จะเกิดอาการกระตุกเยอะ และค่าสุดท้ายที่จะต้องกล่าวถึงก็คือ Jitter

4.Jitter คือ ค่าความช้าในการรับแพ็กเกจข้อมูลที่ถูกส่งมา ค่า Jitter มีหน่วยเป็นมิลลิวินาที (millisecond) ค่า Jitter “ยิ่งน้อยยิ่งดี”(ไม่ควรเกิน 30 ms ถ้าเกินเสียงอาจจะกระตุก) เพราะแสดงถึงประสิทธิภาพที่ดีและเร็วในการรับข้อมูล อธิบายง่ายๆคือ หากเป็นการสนทนาแบบ Video call  หรือ โทรผ่านอินเตอร์เน็ท (Voice over IP = VoIP) จังหวะที่ Jitter พุ่งขึ้นสูง ก็จะทำให้ภาพสะดุด เสียงสนทนากระตุกเป็นเสียงหุ่นยนต์ เสียงขาดหายไปในบางจังหวะ ทำให้การสนทนาไม่ราบรื่นนั้นเอง

          การทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงวิธีที่จะช่วยให้คุณประเมินประสิทธิอินเทอร์เน็ตว่าเหมาะสมกับการทำงานหรือไม่ เนื่องจากการทำงานของแต่ละคนต้องการประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป ไม่ได้เป็นการแก้ไขในกรณีที่อินเทอร์เน็ตมีปัญหา หากทดสอบแล้วผลลัพท์ที่ออกมาไม่ตรงความต้องการควรจะติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อปรับเปลี่ยนแพ็คเก็จหรือแจ้งปัญหาการใช้งาน

         CANS หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้ความรู้ความเข้าใจไปไม่มากก็น้อยนะครับ หากเพื่อนๆคนไหนมีข้อสงสัยหรือต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลสามารถคอมเม้นท์เข้ามาพูดคุยกันได้นะครับ

ทุกท่านสามารถวัดความเร็วของการใช้งาน VoIP ผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเอง ได้ที่ https://speedtest.canscloud.com/

Facebook
Twitter
LinkedIn

บทความที่น่าสนใจ

8×8 lnc. ประกาศเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Fuze, Inc

8×8, Inc. (NYSE: EGHT) ผู้นำการให้บริการแพลตฟอร์มการสื่อสารบนคลาวด์ ประกาศเสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Fuze, Inc. ซึ่งเป็นผู้นำด้านการสื่อสารบนคลาวด์…(อ่านต่อ)